กบฏแมนฮัตตัน ตอนที่ ๓

กบฏแมนฮัตตันภาพถ่ายของทหารประจำ เรือหลวง ศรีอยุธยา เรือปืนหนักหุ้มเกราะของราชนาวีไทย มีระวางขับน้ำเต็มที่ ๒,๓๕๐ ตัน ยาว ๗๗ เมตร กว้าง ๑๓.๔๑ เมตร กินน้ำลึก ๔.๒ เมตร เครื่องจักรดีเซล ๒ เครื่อง ความเร็วมัธยัสถ์ ๑๒.๒ นอต อาวุธปืนป้อมคู่ ๒๐๐ มม. ๔ กระบอก ปืน ๗๕ มม. ๔ กระบอก ปืน ๔๐ มม. ๒ แท่น พลประจำเรือ ๒๓๔ คน ต่อจากอู่ คาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ราคา ๔,๓๑๗,๐๐๐ เยน วางกระดูกงูเมื่อ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๙ สร้างเสร็จเมื่อ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๑ ขึ้นระวางประจำการ เมื่อ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๑


น.ต.มนัส ได้นำ ร.ล.ศรีอยุธยาล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาลงมาถึงบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ มุ่งหน้าสู่สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ เพื่อนำเรือไปจอดบริเวณหน้า สพ.ทร.บางนา แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อ สะพานพุทธฯ ไม่เปิด เนื่องจากกำลังจากกองพันนาวิกโยธินที่ ๔ และกองกำลังต่อสู้อากาศยานที่จะเคลื่อนมาจากบริเวณสวนอนันต์ ฝั่งธนบุรี ผิดนัด ยังมิได้ยกกำลังมาสนับสนุนการเปิด และควบคุมสะพาน ร.ล.ศรีอยุธยาจึงต้องวนเวียนอยู่ในบริเวณนั้น เพื่อรอการสนับสนุน


ขณะที่ น.ต.มนัส จี้เอาตัวจอมพล ป. มานั้น น.อ.อานนท์ ก็ระดมกำลังตั้งรับในบริเวณพื้นที่ของกองเรือรบที่ ท่าราชวรดิษฐ์ และบริเวณท่าช้างวังหลวง โดยมีกองกำลังทหารเรือส่วนหนึ่งได้จู่โจมเข้าทำการยึดโรงไฟฟ้า และโทรศัพท์กลางวัดเลียบ แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้เป็นต่อฝ่ายรัฐบาลแต่อย่างใด เมื่อ น.ต. ประกาย แจ้งข่าวว่า ไม่สามารถนำกองพันนาวิกโยธินที่ ๕ ออกมาจากที่ตั้งได้ เนื่องจากว่า น.อ.สุ่น มาศยากุล ผู้บังคับกองพัน ไม่ยอมให้นำกำลังออกมาใช้ และขู่ว่าหาก น.ต.ประกาย ฝ่าฝืนก็จะยิงทิ้งเสีย

เหตุการณ์ในขณะนี้กลับกลายเป็นว่า กองกำลังหลักของคณะกู้ชาติอย่าง กองพันนาวิกโยธินที่๔ และ๕ ไม่สามารถทำการสนับสนุน คณะกู้ชาติได้ ดังนั้น จึงมีเพียงทหารจากกองเรือรบเป็นหน่วยหลัก ส่วนหน่วยอื่นๆหาตัวช่วยได้ยาก ถึงมีก็นับว่าน้อยมาก สรุปแล้ว แทนที่จะเป็นฝ่ายรุก ก็กลับต้องกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ และรอเวลาที่จะถูกโจมตีจากกำลังฝ่ายรัฐบาล

ในเวลาต่อมา โรงไฟฟ้า และโทรศัพท์กลางวัดเลียบ ถูกกำลังตำรวจรถถังยึดคืนไปได้ และทหารเรือบางส่วนถูกล้อมไว้ ทางกองเรือรบจึงจัดส่งหน่วยรบสองหมู่เดินทางเข้าไปช่วย และทำการยึดโรงไฟฟ้า และโทรศัพท์คืน แต่ก็ถูกสกัดกั้นอยู่ที่ ท่ากลาง และถูกล้อมไว้อีก กองเรือรบจึงได้จัดส่งเรือ ต. ซึ่งมีอาวุธปืนกลประจำเรือ ขนาด ๒๐ มม. เข้าช่วยยิงคุ้มกัน ปรากฏว่า อานุภาพการทำลายล้างของปืนเรือ สร้างความหวาดผวาให้กับฝ่ายรัฐบาลเป็นอย่างมาก จึงสามารถถอนกำลังมาได้หมด

หนังสือพิมพ์ลงข่าว กบฏ

แผนการของ คณะกู้ชาติ ที่หวังไว้ว่าจะไม่มีการผิดนัด และเมื่อเกิดการสู้รบขึ้น นายทหารชั้นผู้ใหญ่ คงจะเข้าช่วยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆกองทัพเรือขาดความสามัคคี เข้าทำนอง ประดู่คนละต้นบานไม่พร้อมกัน ดังที่ น.ต.มนัส ได้เขียนไว้ในหนังสือ เมื่อข้าพเจ้าจี้จอมพล ป. ว่า.....

ข้าพเจ้าเดินเข้าไปทางช่องทางเดินด้านขวาของฉากไม้ ทันใดก็เห็นท่านผู้บัญชาการนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม มีนายทหารชั้นนายพลเรือนั่งอยู่แน่นขนัด ทุกๆท่านมองดูข้าพเจ้าด้วยสายตาที่เกือบจะเป็นอันเดียวกัน

ข้าพเจ้าเดินไปที่ริมผนังห้องปลดปืนกลมือออกมาจากไหล่ เอาปืนพกออกจากเอววางกับพื้นห้อง...ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความคารวะต่อท่านผู้ใหญ่ แล้วสาวเท้าเข้าไปกระทำความเคารพและรายงานว่า ข้าพเจ้ามาแทน น.อ.อานนท์ ท่านผู้บัญชาการรับการเคารพ แล้วถามว่าเหตุการณ์ทางฝั่งพระนครเป็นยังไง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เรียนไปตามตรง.....

ท่านผู้บัญชาการบอกกับข้าพเจ้าว่า มีกำลังทหารบกเคลื่อนมาตามเส้นทางกรุงเทพฯ - นครปฐม ท่านได้ส่งกำลังทหารนาวิกโยธินส่วนหนึ่งไปตรึงไว้ เพื่อเป็นการป้องกันอันตราย ข้าพเจ้าจึงเรียนท่านว่า กำลังทหารบกนั้นมาจากจังหวัดเพชรบุรี และราชบุรี เป็นฝ่ายเดียวกับข้าพเจ้า กำลังเคลื่อนกำลังเข้ามาสมทบ ขอให้ท่านกรุณาสั่งการถอนกำลังทหารนาวิกโยธินกลับไปเสีย ท่านผู้บัญชาการรับฟังแล้วก็นิ่ง

สุดท้ายท่านถามขึ้นว่า ทำไม ? ข้าพเจ้าจึงเรียนให้ท่านทราบว่า พวกข้าพเจ้าไม่พอใจในความเหลวแหลกของคณะรัฐบาลที่เป็นอยู่ขณะนี้ ต้องการให้มีการปรับปรุงคณะรัฐบาล.....

ในข้อเขียนอันเดียวกันนี้ยังได้อธิบายต่อไปว่า ผบ.ทร. ได้สั่งให้ น.ต.มนัส ออกไปคอยนอกห้อง สักครู่ท่านก็เดินตามออกมา น.ต. มนัส จึงขอกำลังจากท่านเพื่อไปยึดเอาโรงไฟฟ้าคืน และเพื่อ เปิดสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯให้ ร.ล.ศรีอยุธยา แล่นผ่านออกไป แต่ ผบ.ทร.ให้ไปตกลงกับ พล.ร.ต. กนก นพคุณ ผบ.มณฑล ทร.๑ เอาเอง

น.ต.มนัส จึงทำความเคารพ และกลับออกมา รีบมุ่งไปที่ท่าช้าง ราชนาวิกสภา ตรงไป บก.มณฑล ทร.๑ เข้าพบกับ พล.ร.ต.กนก นพคุณ แจ้งความประสงค์ให้ทราบ ซึ่ง น.ต.มนัส ก็ได้บรรยายไว้ในหนังสือว่า ผบ.มณฑล ทร.๑ ตอบปฏิเสธ ไม่สามารถจัดกำลังคนให้ตามที่ข้าพเจ้าขอ ข้าพเจ้าก็เรียนท่านอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าไม่มีกำลังทหารพอ ก็ขอแต่เรื่องอาวุธแล้วไปจัดหากำลังทหารเอาเอง ท่าน ผบ.มณฑล ทร.๑ ก็คงยืนกรานปฏิเสธ......

นายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพเรือไม่เล่นด้วย เพื่อนในหลายหน่วยกำลังหนีหน้า ร.ล.ศรีอยุธยาแล่นผ่านสะพานพุทธไม่ได้ สภาพของคณะกู้ชาติ เรียกได้ว่าเป็น กบฏ อย่างเต็มตัว

ไพ่ใบสุดท้ายของคณะกู้ชาติก็คือ จอมพล ป. ซึ่งอยู่บน ร.ล.ศรีอยุธยานั่นเอง คณะกู้ชาติจึงได้ออกประกาศบีบบังคับรัฐบาลให้ลาออกโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นตัวประกัน และได้บันทึกเสียงจอมพล ป. ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงของกองสัญญาณทหารเรือ

Comments